วันอังคารที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ชุมชน“บ้านมอญ”...ของคนขืน

ชื่อชุมชนบ้านมอญ ใครได้ยินหรือผ่านไปเห็น ย่อมเข้าใจได้ว่าต้องเป็นชุมชนของคนมอญ สร้างโดยคนมอญ หรือเป็นถิ่นพักอาศัยของคนมอญ

แต่สำหรับชุมชน“บ้านมอญ” ตำบลสันกลาง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ มิได้เป็นเช่นนั้น


ชุมชนบ้านมอญที่นี่ ไม่ได้สร้างโดยคนมอญหรือเป็นถิ่นพักอาศัยของคนมอญแต่อย่างใด

ชุมชนบ้านมอญสร้างโดยคนขืน และปัจจุบันประชากรที่อาศัยอยู่ในชุมชนบ้านมอญเกือบทั้งหมด เป็นลูกหลานชาวขืนที่โยกย้ายมาอยู่ในดินแดนล้านนาตั้งแต่เมื่อกว่า 200 ปีก่อน!!!

คนขืนคือชาวเชียงตุง ที่ปัจจุบันเป็นจังหวัดหนึ่งในรัฐฉานภาคตะวันออกแม่น้ำสาลวิน

ตัวแทนชาวบ้านมอญเมื่อครั้งไปร่วมพิธีเปิดเฮือนไทเขินที่บ้านสันก้างปลา อ.สันกำแพง เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2560

คนส่วนใหญ่มักชินกับการเรียกคนที่ย้ายมาจากเชียงตุงในอดีตว่าเป็น“ไทเขิน”

ความที่คนเหล่านี้มีฝีมือในการสรรค์สร้างงานหัตถกรรม เครื่องใช้ที่ทำจากไม้ ลงรัก ตกแต่งลวดลาย ประดับสีสันอย่างสวยงามด้วยวัตถุธรรมชาติต่างๆเช่นชาด มุก เงินเปลว ทองคำเปลว  จึงตั้งชื่องานหัตถกรรมเหล่านี้ว่า“เครื่องเขิน”ตามไปด้วย

“เขิน”เป็นเสียงที่แปร่งมาจากคำว่า“ขืน”ที่ชาวเชียงตุงใช้เรียกตนเอง

เป็นคำเรียกที่อ้างอิงจากสภาพพื้นที่ของเชียงตุงที่มีแม่น้ำขืนไหลผ่าน

แม่น้ำขืนไหลจากฝั่งตะวันตกของเชียงตุงขึ้นไปทางเหนือ จึงเหมือนขืนธรรมชาติ เลยถูกตั้งชื่อว่าแม่น้ำขืน คนที่อาศัยอยู่ในลุ่มแม่น้ำขืนจึงเรียกตัวเองเป็นชาวขืนตามชื่อแม่น้ำ...

เรือนโบราณของชาวบ้านมอญตั้งแสดงอยู่ภายในวัดสีมาราม 

ชาวขืนโยกย้ายมาอยู่ในล้านนายุคที่พระเจ้ากาวิละใช้กุศโลบายเก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง ระหว่าง พ.ศ.2334-2347 ด้วยการไปรวบรวมผู้คนตามเมืองต่างๆในรัฐฉานให้ย้ายมาตั้งชุมชน บ้านเรือน ในเชียงใหม่ เพื่อร่วมกันฟื้นฟูเชียงใหม่ที่เป็นเมืองร้างอยู่หลายปีในช่วงก่อนหน้านั้น

อำเภอสันกำแพงเป็นเป็นพื้นที่ซึ่งชาวขืนจำนวนมากย้ายมาตั้งถิ่นฐาน และเขตที่เป็นตำบลสันกลางปัจจุบันเป็นจุดหนึ่งที่มีชาวขืนอาศัยอยู่หนาแน่น

ชุมชนบ้านมอญเป็นพื้นที่แรกๆที่ชาวขืนได้เข้ามาสร้างบ้านเรือน ตั้งเป็นชุมชนขึ้นมา

มีการสร้างวัดบ้านมอญเป็นวัดประจำหมู่บ้าน ใน พ.ศ.2340 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2400

วัดบ้านมอญ

เมื่อแรกสร้าง เพื่อให้พระสงฆ์ของวัดบ้านมอญสามารถทำสังฆกรรมได้อย่างเงียบสงบ จึงได้สร้างอุโบสถให้ห่างจากตัววัดไปประมาณ 500 เมตร

ภายหลังชุมชนบ้านมอญขยายตัวมีประชากรมากขึ้น วันที่ 29 กันยายน 2532 จึงได้ยกอุโบสถวัดบ้านมอญขึ้นเป็นอีกวัดหนึ่งตั้งชื่อว่าวัดสีมาราม ได้รับวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2540

อุโบสถเดิมของวัดบ้านมอญ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของวัดสีมาราม

ส่วนวัดบ้านมอญก็ได้สร้างอุโบสถใหม่เพื่อให้พระสงฆ์ที่จำพรรษาอยู่ได้มีสถานที่ทำสังฆกรรม

วัดบ้านมอญมีชื่อเสียงในเรื่องของต้นโพธิ์แฝดซึ่งถูกพบโดยบังเอิญเมื่อปี 2550 จากการแผ้วถางทำความสะอาดบริเวณโคนต้นโพธิ์เก่าแก่ประจำวัด เมื่อได้รื้อกลุ่มไม้ค้ำสะหลีออก พบว่าบริเวณโคนมีลักษณะเหมือนต้นโพธิ์ 2 ต้นขึ้นมาเคียงคู่กันและไปบรรจบกันตรงด้านบน

เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป มีประชาชนจำนวนมากแสดงศรัทธา เดินทางมาลอดช่องว่างที่โคนต้นโพธิ์แฝด 2 ต้นนี้เพื่อเป็นศิริมงคล

ต้นโพธิ์แฝดภายในวัดบ้านมอญ

ปัจจุบัน พื้นที่ซึ่งอยู่ติดกับวัดบ้านมอญจัดการปกครองเป็นชุมชนบ้านมอญหมู่ที่ 1 ส่วนพื้นที่ซึ่งอยู่ติดกับวัดสีมาราม เป็นชุมชนบ้านมอญหมู่ที่ 2

แล้วทำไมจึงตั้งชื่อเป็นชุมชนบ้านมอญ...???

ไม่มีหลักฐานที่ระบุชัดถึงสาเหตุของการตั้งชื่อชุมชนแห่งนี้ว่าบ้านมอญ สอบถามกับผู้ที่อาศัยในพื้นที่ ส่วนใหญ่มีเพียงข้อสันนิษฐาน

คนเฒ่า คนแก่บางคน เชื่อว่าคนมอญคือคนขืนโบราณ ดังที่เว็บไซต์ระบบฐานข้อมูลวัดได้บันทึกประวัติวัดบ้านมอญเอาไว้ว่า...

“...วัดบ้านมอญสร้างเมื่อ พ.ศ.2340 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ.2400 แต่เดิมสันนิษฐานว่าคงจะมีการสร้างวัดขึ้นมาพร้อมกับการย้ายมาตั้งถิ่นฐานของชาวมอญ ซึ่งเป็นชาวไทเขอนโบราณ ที่ได้อพยพมาจากเขมรัฐนครเชียงตุง...”

แต่อีกข้อสันนิษฐานหนึ่ง เชื่อว่าชื่อชุมชนบ้านมอญถูกตั้งขึ้นจากสภาพพื้นที่บริเวณนี้ เมื่อครั้งที่ชาวขืนได้ย้ายมาตั้งถิ่นฐานใหม่ๆ

ป้ายประวัติต้นโพธิ์แฝดของวัดบ้านมอญ เขียนไว้ว่า...

“...ในประวัติที่แท้จริงแล้วไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าต้นพระศรีมหาโพธิ์แฝดต้นนี้จะเกิดขึ้นเมื่อสมัยใด แต่จากประวัติของวัดบ้านมอญแล้วนั้น สันนิษฐานว่าถูกตั้งขึ้นเมื่อครั้งที่พระเจ้ากาวิละได้ปราบกบฏ ฟื้นเมืองเชียงใหม่ นำชาวไทเขินจากเขมรัฐนครเชียงตุงมาไว้​ ณ สถานที่แห่งนี้ และประกอบกับสถานที่แห่งนี้มีต้นไม้ที่ชื่อว่า“ต้นมอญ”(ซึ่งไม่มีใครรู้ว่ามีลักษณะอย่างไร) ปลูกเรียงรายในบริเวณนี้เป็นจำนวนมาก จึงตั้งชื่อใส่นามว่าวัดบ้านมอญ...”

เว็บไซต์ของเทศบาลตำบลสันกลาง ในหัวข้อประวัติชุมชน น่าจะเป็นแหล่งข้อมูลที่ให้รายละเอียดเรื่องที่มาของชื่อที่ชัดเจนที่สุด โดยระบุว่า...

“...ในสมัยก่อนเล่ากันว่าในถิ่นนั้นมีต้นไม้ชื่อว่าไม้มอนหรือไม้หม่อน จากข้อสันนิษฐานจากผู้เฒ่าผู้แก่ผู้ทรงคุณวุฒิในหมู่บ้านเล่าว่า น่าจะมาจากคำว่าหม่อนที่ใช้เลี้ยงไหม ต่อมามีการสะกดชื่อมอนเป็นมอญ แต่ไม่มีผู้ใดทราบสาเหตุของการเปลี่ยนตัวสะกด ดังนั้นคำว่าบ้านมอญ จึงไม่ได้หมายถึงชนชาวมอญแต่อย่างใด...”


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น